วันจันทร์ที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2556

Les Misérables เหยื่ออธรรม

เหยื่ออธรรม แปลจาก Les Misérables เลส์ มี-เซ- ราบ๎ลส์

วรรณกรรมชิ้นเอกของโลก ยอดวรรณกรรมคลาสสิค
ผลงานอมตะชิ้นเอกอุของ วิคเตอร์ ฮูโก (Victor Hugo)
ซึ่งตีพิมพ์เป็นครั้งแรก โดยวางจำหน่ายพร้อมกันในฝรั่งเศสและเบลเยี่ยมเมื่อปี ค.ศ. 1862

วิคตอร์ ฮูโก คือ นักเขียนแนวโรแมนติก และได้รับการยกย่องว่าเป็นมหากวีของชาวฝรั่งเศส
เป็นที่รู้จักในวงวรรณกรรมโลกด้วยนิยายอมตะสองเรื่อง คือ
Notre- Dame de Paris - มหาวิหารนอเทรอ-ดามแห่งกรุงปารีส (1831)
และ Les Misérables (1862) ซึ่งก็คือ เหยื่ออธรรม เล่มนี้

Les Miserables - เลส์ มี-เซ-ราบ๎ลส์ นั้น 
เป็นคำที่หมายรวมคนทั้งหมดที่สังคมไม่ยอมรับ 
ตั้งแต่ยาจก คนจน คนร้าย โจร ขโมย โสเภณี เด็กถูกทอดทิ้ง 
กระทั่งคนที่ประท้วงสังคมต่อต้านรัฐบาล และนักปฏิวัติ


นวนิยายที่อยู่ในความชื่นชอบของประชาชนหลายชาติหลากภาษาเป็นจำนวนมาก
เพราะเขียนด้วยแรงบันดาลใจจากความรักที่มีต่อประชาชนผู้ทุกข์ยาก
พิทักษ์สตรีที่ถูกเอารัดเอาเปรียบ ช่วยเหลือโอบอุ้มคุ้มครองเด็กที่ถูกทอดทิ้ง
วิคตอร์ ฮูโก เขียนด้วยความเมตตาสงสารอันเป็นพลังในการฟื้นฟูศีลธรรมของสังคม
และต้องการเห็นสังคมที่ศานติ

เหยื่ออธรรม หรือ Les Misérables

หนังสือมือสอง : เหยื่ออธรรม
ผู้เขียน : วิคตอร์ ฮูโก
ผู้แปล : "จูเลียต"
จำนวน : ๕๘๔ หน้า
ขนาด : ๑๕๗ x ๒๒๐ มม.
สำนักพิมพ์ : ทับหนังสือ
พิมพ์ครั้งที่ : ๔
เดือนปีที่พิมพ์ : เมษายน ๒๕๓๕

วรรณกรรมสากลชิ้นเอกเรื่องหนึ่งของโลก เสมือน "ดอกไม้แห่งชีวิต"
เป็นความหวังของผู้ที่หมดหวัง เป็นคัมภีร์ของประชาชนที่สุภาพอ่อนโยน
เป็นหนังสือที่ช่วยจรรโลงโลกให้สะอาดหมดจดด้วยไฟแห่งความรัก

หนังสือเหยื่ออธรรม / "จูเลียต" แปล
เหยื่ออธรรม เล่มนี้ ทางผู้แปล "จูเลียต" ได้แปลไว้เพียง ๒ ภาค คือ
ภาคหนึ่ง ฟังตีญ กับ ภาคสอง โกแซตต์ ซึ่งยังขาดอยู่อีกสามภาค

แต่ถ้าอยากเป็นเจ้าของ เหยื่ออธรรม ฉบับสมบูรณ์ ก็มีสำนวนแปลของ "วิภาดา กิตติโกวิท"
โดยได้แปลเนื้อหาวรรณกรรมชุดนี้จากต้นฉบับภาษาฝรั่งเศสครบ ๕ ภาค
ซึ่งนับเป็นฉบับสมบูรณ์ครั้งแรกในภาคภาษาไทยที่ควรค่าแก่การเก็บสะสมไว้บนชั้นหนังสือ

วรรณกรรมเรื่อง เหยื่ออธรรม ฉบับสมบูรณ์ มีด้วยกัน 5 ภาค หนาเกือบ 3,000 หน้า
ฌอง วัลฌอง ตัวละครเอกของเรื่อง เป็นชาวนายากจน ต้องเลี้ยงดูหลานซึ่งเป็นลูกของพี่สาวเจ็ดคน
ในปีที่อากาศหนาวจัด ฌอง วัลฌอง ไม่มีงานทำ ไม่มีเงินซื้ออาหาร ด้วยความอับจนหนทาง
เขาทุบกระจกร้านขนมปังและหยิบขนมปังไปหนึ่งก้อนจึงถูกจับ
และติดคุกสำหรับนักโทษอุกฉกรรจ์ถึง 19 ปี ซึ่งโทษถูกเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
เพราะพยายามแหกคุกหนีหลายครั้ง - วัลฌองแหกคุกเพราะไม่ยอมรับโทษทัณฑ์
ซึ่งเขารู้สึกว่าไม่ให้ความเป็นธรรมแก่เขา...

เหยื่ออธรรม มีเนื้อหาหลากหลายซับซ้อน
บางครั้งก็บริสุทธิ์ผุดผ่องราวกับเรื่องสอนให้ศีลธรรมสูงส่งขึ้น เขียนอย่างมีศิลปะประณีต
บางครั้งก็น่าตื่นเต้นราวกับนิยายนวนิยายผจญภัย ไพเราะกินใจราวกับ
เป็นการสารภาพเรื่องส่วนตัวเหมือนเรื่องจริงของตัวผู้อ่าน
เป็นบทบันทึกประวัติศาสตร์ บทศึกษาเรื่องราวของขนบประเพณี
และความเป็นอยู่ของผุ้คนในสังคมอีกยุคสมัยหนึ่ง
ตลอดทั้งเรื่องเห็นได้ชัดว่า วิคตอร์ ฮูโก เขียนด้วยแรงบันดาลใจจากความรักเพื่อนมนุษย์ในสังคม
ตั้งแต่ต้นจนจบเขาต้องการประณาม...

"การเสื่อมลงของมนุษย์ โดยเฉพาะชนชั้นกรรมาชีพผู้อยู่ส่วนล่างของสังคม
ความเสื่อมโทรมหิวโหยของเด็กของสตรี เขาเขียนเพื่อส่งเสริมให้เกิดความเมตตากรุณา
และเข้าช่วยเหลือผู้ทุกข์ยากทั้งปวงให้มีชีวิตที่ดีกว่า อยู่ร่วมกันด้วยจิตใจที่โอบอ้อมอารี"

Victor Hugo - วิคเตอร์ ฮูโก
วิคตอร์ ฮูโก นักเขียนนวนิยาย นักแต่งบทละคร กวี
และนักเคลื่อนไหวทางการเมืองผู้ยิ่งใหญ่แห่งศตวรรษที่ ๑๙ ของฝรั่งเศส

***

แล้วในที่สุด ภาพยนตร์ เล มิเซราบล์... สู้ ฝัน หวัง รัก 
เรื่องราวของฝันสลาย ความรัก การเสียสละ และการกอบกู้ตนเอง
ก็มีกำหนดเปิดฉายในประเทศไทย ณ สิ้นเดือนนี้

Les Miserables หนังที่พยายามเล่าเรื่องด้านมืดอีกด้านของสังคม
ที่เสนอในการเปรียบเทียบคนที่อยู่ในชนชั้นที่สูงกว่า
สามารถข่มเห่งและบีบบังคับผู้อยู่เบื้องล่างได้เสมอไป
โดยเรื่องบทภาพยนตร์สามารถตรึงใจผู้ชมได้อย่างแน่นอน
โดยนำการเล่าเรื่องที่ปะติดปะต่อ ผู้ชมสามารถเข้าใจง่าย
และอินไปพร้อมกับบทพูดที่เป็นเสียงร้องและทำนองเพลงในรูปแบบเดอะมิวสิคัลเกือบทั้งเรื่อง
เหมือนว่าผู้ชมกำลังนั่งชมละครเวทีอยู่เรื่องหนึ่งที่โลดแล่นบนจอฟิล์มยังไงยังงั้น...





วันเสาร์ที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2556

นิทานอีสป

หนังสืออ่านนิทานแทรกคติเตือนใจสดับสติปัญญา

นิทานซึ่งชาวโลกยกย่องว่าเป็น "นิทานอมตะ" ก็คือ นิทานอีสป
เป็นนิทานสุดยอดที่ไม่มีใดๆ เทียม
ซึ่งชาติต่างๆ ทั้งยุโรปและเอเชียต่างก็ถ่ายทอดมาเป็นภาษาของตน
เพื่อเป็นการแนะแนวสอน สอดแทรกคติเตือนใจ 
และเป็นเครื่องสดับสติปัญญาแก่เยาวชนของชาติ
โดยเฉพาะเด็กๆ อ่านเมื่อเวลาปิดภาคเรียนเหมาะสมที่สุด
เข้าทำนองที่ว่า "เด็กอ่านได้ ผู้ใหญ่อ่านดี" นั่นเอง
นิทานอีสปเล่มนี้ ผู้เขียนได้เขียนนิทานนี้ไว้ไม่น้อยกว่า ๔๐๐ เรื่อง
ซึ่งแต่ละเรื่องก็ไม่ซ้ำกัน เป็นนิทานอยู่ในสมัยที่ทุกๆ อย่างในโลกพูดได้ทั้งนั้น
โดยเฉพาะท่านผู้สนใจและเยาวชนอ่านแล้วจะเกิดประโยชน์มาก


นิทานอีสป

หนังสือมือสอง : นิทานอีสป
ผู้เรียบเรียง : "พันธุ์เพชร"
จำนวน : ๓๘๖ หน้า
ขนาด : ๑๖ หน้ายกธรรมดา
สำนักพิมพ์ : สำนักงานหอสมุดกลาง 09
พิมพ์ครั้งที่ : ๔
เดือนปีที่พิมพ์ : พ.ศ. ๒๕๑๖


ปกหลัง : นิทานอีสป
นิทานอีสป เป็นเรื่องสั้นซึ่งให้คติคำสอน โดยการสอดแทรกศีลธรรมและสอนบทเรียนให้แก่เด็กๆ
ทั้งรูปแบบการนำเสนอก็น่าสนใจสำหรับเด็ก กอปรกับเนื้อเรื่องมักจะมีอารมณ์ดีและสนุกสนาน
ซึ่งเป็นเรื่องเล่าที่เล่าต่อๆ กันมาจนเป็นตำนาน ที่สุดก็กลายเป็นอมตะ

อีกทั้งตัวละครของ นิทานอีสป มักจะเป็นสัตว์ที่ใช้เป็นตัวชูโรงโดยสัตว์จะกระทำและพูดคุยเหมือนคน 
แต่ว่าจะรักษาลักษณะของสัตว์ชนิดนั้นๆ ไว้ เช่น เสือดุร้าย หมาป่าเจ้าเล่ห์ ลาโง่เขลาเชื่องช้า ฯ

นับว่า นิทานอีสป เป็นเรื่องราวที่มีชื่อเสียงและให้ความบันเทิงที่ดีสำหรับเยาวชน
นิทานหรือเรื่องราวทั้งหมดที่สั้นมากๆ เพื่อให้เด็กมีความสนใจ แลดูน่าอ่านเพราะใช้ภาษาง่ายๆ 
แถมยังมีสัตว์เป็นตัวเอกของเรื่องซึ่งเป็นที่รักของเด็กๆ ทำให้น่าติดตาม
ที่สำคัญตอนจบของแต่ละเรื่องนั้น จะมีบทสรุปด้วยการ นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า...

นิทานอีสป เรื่อง นางสิงโต
นางสิงโต

ครั้งหนึ่ง บรรดาสัตว์ป่าทั้งหลาย มีเรื่องวุ่นวายใหญ่หลวง
ด้วยต่างคุยอวดกันว่า ครอบครัวของมันเป็นครอบครัวที่ใหญ่ที่สุด คือ มีลูกมากที่สุด
แต่ไม่มีใครยอมแพ้ในเรื่องนั้น มันก็พากันไปหานางสิงโต แล้วถามว่า
"ท่านมีลูกคราวละกี่ตัว?"
"ตัวเดียว" นางสิงโตตอบอย่างจริงจัง "แต่ตัวเดียวนั้นก็เป็นสิงโต"
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า คุณภาพสำคัญกว่าปริมาณ

**
เศรษฐีกับทรัพย์อันล้ำค่า

เมื่อเศรษฐีคนหนึ่ง รู้สึกตัวว่าจะต้องตายภายในไม่ช้า
ก็ออกคำสั่งให้บุตรภริยาขนทรัพย์สมบัติอันมีค่ามากองไว้รอบๆ กาย แล้วเขาก็สิ้นใจ
"ทำไมพ่อไม่เอาไปด้วยล่ะแม่?" บุตรน้อยถามมารดา
ในขณะที่ศพของบิดาถูกนำไปสู่สุสาน
มารดาจึงตอบว่า "พ่อตายแล้ว เอาสมบัติไปไม่ได้หรอกลูก"
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า มนุษย์เรานี้ เมื่อชีวิตหาไม่ ก็เอาอะไรไปด้วยไม่ได้เลย

**
หมูป่ากับหมาจิ้งจอก

ในขณะที่หมูป่ากำลังลับเขี้ยวของมันกับต้นไม้
หมาจิ้งจอกถามมันว่า ทำไมมันจึงทำเช่นนั้น
"ข้าไม่เห็นมีเหตุผลอันใดที่เจ้าจะต้องทำเช่นนั้น" หมาจิ้งจอกพูดกับหมูป่า "เพราะเห็นว่า 
ขณะนี้ไม่เห็นมีพรานป่าหรือหมาไล่เนื้อ และอันตรายอย่างอื่นก็ไม่เห็นมี"
"จริง" หมูป่าว่า "แต่เมื่ออันตรายเช่นนั้นเกิดขึ้น
ข้าก็มีอย่างอื่นที่จะต้องทำยิ่งกว่าลับอาวุธของข้า"
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า เมื่อเป่าแตรให้ชักดาบนั้น มันก็สายเสียแล้วที่จะลับอาวุธ

...

หนังสือมือสองเรื่อง นิทานอีสป นี้ มีนิทานไม่น้อยกว่าสี่ร้อยเรื่อง อ่านกันเพลินใจแน่ๆ


วันอาทิตย์ที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2556

เดอะ ลาสต์ เอลฟ์


"ชะตาชีวิตของเราคือสิ่งที่เราต้องการ 
หาใช่สิ่งที่มีผู้จารึกไว้บนแผ่นหิน
มันคือชีวิตของเรา ไม่ใช่ความฝันของคนอื่น"

The Last Elf หรือ L'Ultimo Elfo โดย Silvana De Mari

จากโลกของนิทานสู่วรรณกรรมแฟนตาซีอันลือลั่นของอิตาลี 
(เส้นทางอบอุ่น อ่อนโยน และสว่างไสว)
พบกับการผจญภัยชวนคิดชวนขำของเอลฟ์ตนสุดท้ายและมังกรตัวสุดท้าย 
ที่ถูกลิขิตชีวิตไว้ด้วยคำพยากรณ์โบราณ
โดยครั้งนี้...เอลฟ์ตนนี้ไม่ใช่แค่เพียงตัวประกอบที่คอยชูรส 
หรือเป็นสัญลักษณ์ที่ปรากฏในวรรณกรรมเยาวชนอีกต่อไป
และก็ไม่ได้มากันเป็นหมู่เหล่าหรือเป็นครอบครัวเหมือนดังเรื่องก่อนๆ แต่อย่างใด
เพราะนี่คือ เดอะ ลาสต์ เอลฟ์ เอลฟ์ตนสุดท้ายแห่งเผ่าพันธุ์ผู้มีนามว่า...
ยอร์ชครุนสกวาร์กจอลเนอร์สตริงค์

เดอะ ลาส เอลฟ์ (The Last Elf)

หนังสือมือสอง : เดอะ ลาสต์ เอลฟ์
ผู้เขียน : ซิลวานา เด มารี
ผู้แปล : นันธวรรณ์ ชาญประเสริฐ
จำนวน : ๓๕๖ หน้า
ขนาด : ๑๖ หน้ายกพิเศษ
สำนักพิมพ์ : เพิร์ล
พิมพ์ครั้งที่ : ๑
เดือนปีที่พิมพ์ : ตุลาคม ๒๕๔๙

***


เมื่อน้ำท่วมผืนแผ่นดิน ดวงตะวันจะอันตรธาน
ความมืดและความเหน็บหนาวจะมาเยือน
เมื่อมังกรตัวสุดท้ายและเอลฟ์ตนสุดท้ายทำลายวงกลม
อดีตและอนาคตจะมาบรรจบกัน
ดวงตะวันแห่งฤดูร้อนครั้งใหม่จะเจิดจ้าอยู่บนท้องฟ้า

ณ ท้องทุ่งร้างแห่งหนึ่ง สายฝนกระหน่ำลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา 
ทุกสิ่งทุกอย่างหายไปใต้น้ำ... ยอร์ชครุนสกวาร์กจอลเนอร์สตริงค์ 
เอลฟ์ตนสุดท้ายแห่งเผ่าพันธุ์ ต้องแหวกว่ายอยู่ในธาราแห่งความมืดมน 
จ่อมจมอยู่กับความทุกข์ระทม สิ้นหวัง แต่แล้วชีวิตของเขาก็พลันกลับตาลปัตร 
เมื่อได้พบกับมนุษย์สองคน คำพยากรณ์โบราณ และมังกร...ตัวสุดท้าย



ในหนังสือมือสองเล่มนี้จะแบ่งเป็นสองภาค 
ภาคแรกคือ เอลฟ์ตนสุดท้าย ส่วนภาคสองคือ มังกรตัวสุดท้าย 

โดยในภาคแรกนั้นเกี่ยวกับการเดินทางของเอลฟ์น้อย เอลฟ์ตนสุดท้ายของดินแดน 
เอลฟ์ผู้น่าสงสารที่ถูกมนุษย์ไล่ฆ่าเพราะพวกเขากลัว 
กลัวในอำนาจมนตราที่พวกเขาคิดว่าเอลฟ์มี แต่จริงๆ แล้วเอลฟ์แทบจะไม่มีมนตราใดๆ เลย 
แค่ชุบชีวิตแมลงหวี่กับจุดไฟได้เท่านั้น หรืออาจจะชุบชีวิตกระต่าย ไก่ พวกสัตว์ต่างๆ ได้บ้าง
กระนั้นแล้วเอลฟ์ก็ต้องสูญเสียพลังไปด้วยเหมือนกัน
เสน่ห์ของเอลฟ์น้อยคือ ความไร้เดียงสา ใสซื่อบริสุทธิ์ และขี้แย 
เห็นตัวอะไรตายก็จะร้องไห้ เพราะเอลฟ์น้อยสามารถรับรู้ถึงความรู้สึกของสัตว์ที่ตายได้ 
เพียงแค่สัมผัสหัวของมัน ก็รู้ถึงความหวาดกลัวความตาย ความเจ็บปวดของสัตว์เหล่านั้น

ส่วนภาคสองเริ่มเครียดขึ้นมาหน่อย ออกแนวการเมืองบ้าง ทว่ายังคงความฮาและสดใสอยู่
ซึ่งภาคนี้เอลฟ์น้อยจะกลายเป็นเอลฟ์หนุ่ม และต้องไปช่วย ลูกสาวของนายพราน
แล้วก็จะรู้ด้วยว่า...ทำไมมังกรถึงชอบฟังนิทานน้ำเน่าอย่างนั้น

"ความเจ็บปวดท่วมท้นหัวใจของเอลฟ์หนุ่ม 
เฉือนเข้าไปในจิตวิญญาณของเขาดั่งคมมีด 
และไปบรรจบกับอีกความเจ็บปวดหนึ่งซึ่งมีมานานแล้ว
 แม่ผู้ไปสู่ดินแดนที่ไปแล้วไม่มีวันกลับ 
ตอนที่เขายังเล็กเกินกว่าจะจำความได้ 
ยายผู้อยู่ในน้ำซึ่งกำลังขึ้นสูง 
ตอนที่เขาโตเกินกว่าจะลืมเลือน"

**

ขอขอบคุณข้อมูลบางส่วนของคุณ Masaomi จาก เดอะ ลาสต์ เอลฟ์ The Last Elf





วันเสาร์ที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2556

เมื่อสวรรค์ให้รางวัลผม

วรรณกรรมอารมณ์สดใส เพื่อการมองโลกอย่างรื่นรมย์
นิยายรางวัลซังเคยอดนิยมของวัยรุ่นญี่ปุ่น

Colorful หรือ เมื่อสวรรค์ให้รางวัลผม เล่มนี้ เป็นผลงานที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของ โมริ เอโตะ
เนื่องจากไม่เพียงได้รับรางวัล ยังทำสถิติเป็นหนังสือขายดีอันดับสองของญี่ปุ่นในปี 1998
เพราะความอบอุ่นและอารมณ์ขันของเรื่องได้ชนะใจผู้อ่านหลากหลายวัย 
โดยเฉพาะวัยเรียนกับวัยรุ่น อีกทั้งเรื่องนี้ยังถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์ 
ซึ่งไม่แน่แปลกใจเลยหากทราบว่า...
โมริ เอโตะ นั้นเป็นนักเขียนวรรณกรรมเยาวชนชื่อดัง 
และเป็นเจ้าของรางวัลวรรณกรรมเยาวชนมากมาย
อาทิ รางวัลนักเขียนหน้าใหม่สำนักพิมพ์โคดันนะ รางวัลโนมะ รางวัลซังเค และรางวัลโรโบโนะอิชิ

เมื่อสวรรค์ให้รางวัลผม (Colorful)
หนังสือมือสอง : เมื่อสวรรค์ให้รางวัลผม
ผู้เขียน : โมริ เอโตะ
ผู้แปล : วิยะดา คาวางุจิ
จำนวน : ๑๘๔ หน้า
ขนาด : ๑๖ หน้ายกพิเศษ
สำนักพิมพ์ : JBOOK
พิมพ์ครั้งที่ : ๗
เดือนปีที่พิมพ์ : กันยายน ๒๕๔๘


ดวงวิญญาณของผมกำลังล่องลอยอยู่บนฟ้า จู่ๆ เทวดาก็ประกาศว่าผมได้รับรางวัลจากสวรรค์ 
ให้เป็นผู้โชคดีจากแคมเปญโปรโมชั่นพิเศษสามารถกลับไปมีชีวิตบนโลกได้อีกครั้ง
แต่...ต้องอยู่ในร่างที่สวรรค์เลือกให้ คือ โคบายาชิ มาโคโตะ
โดยมีครอบครัวของมาโคโตะเป็น ' โฮมสเตย์' และมีทูตสวรรค์แสนกลอย่างปูระปูระคอยเป็นพี่เลี้ยง

ว่าแต่ 'ผม' จะสามารถกลับมาดำเนินชีวิตในโลกนี้ได้อย่างเป็นสุขและพึงพอใจหรือไม่หนอ
ในเมื่อครอบครัวโฮมสเตย์ของผมนั้นช่างเต็มไปด้วยปัญหาสารพันสารเพ
ทั้งพ่อที่เห็นแก่ตัว แม่ตกงาน พี่ชายเย็นชา หนำซ้ำสาวที่ผมชื่นชอบก็มีพฤติกรรมน่าละอาย
แถมบรรดาเพื่อนๆ ก็ไม่คบผมอีกต่างหาก

มิน่าล่ะ...โคบายาชิ มาโคโตะ ถึงต้องฆ่าตัวตาย อำลาร่างกายซึ่ง 'ผม' มาอยู่แทนที่นี้...

เมื่อสวรรค์ให้รางวัลผม นิยายแนว Heart Warming Comedy

เมื่อสวรรค์ให้รางวัลผม จัดอยู่ในวรรณกรรมประเภท Heart Warming Comedy
หรือเรียกภาษาไทยได้ว่า "วรรณกรรมอารมณ์สดใส"
แม้ว่ามองเผินๆ เมื่อสวรรค์ให้รางวัลผม เป็นนิยายเคร่งเครียดชวนเศร้าหมอง
ทั้งเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับการฆ่าตัวตายดูเหมือนจะเป็นเรื่องโศกนาฎกรรม
แต่ด้วยฝีมือของ โมริ เอโตะ นักเขียนวรรณกรรมเยาวชนมือรางวัล
ตลอดจนการผูกเรื่องของหนังสือเล่มนี้ทำได้ดีมาก

ชีวิตของ มาโคโตะ จึงพลิกผันจากอมทุกข์อันดำมืดมาพบเจอความสุข สนุกสนานหลากสีสันได้
ซึ่ง โมริ เอโตะ ได้แสดงให้ผู้อ่านเห็นชัดเจนว่า บรรดาความอบอุ่นในครอบครัว
และกำลังใจในการดำเนินชีวิตเหล่านี้ ไม่ใช่สิ่งไกลเกินเอื้อมเลย
ขอเพียงเรามองคนรอบข้างในแง่ดีขึ้น มองให้รอบด้านขึ้น
ที่สำคัญคือ สื่อสารกันมากขึ้น บนพื้นฐานของความรักและความปรารถนาดีต่อกัน
ซึ่งนับวันจะหดหายไปในสังคมที่เร่งรีบ การที่เราไม่สามารถใช้ชีวิตอยู่ตัวคนเดียวได้บนโลกใบนี้
เราต้องมีเพื่อน และการคิดฆ่าตัวตายไม่ใช่ทางออกของการแก้ไขปัญหา

กลวิธีการแต่งเรื่องของ โมริ  เอโตะ น่าสนใจ เนื่องจากมีการสร้างตัวละครที่หลากหลายลักษณะ
ทั้งยังมีการปรับเปลี่ยนอารมณ์ของผู้อ่านอยู่ตลอดเวลา
มีทั้งเศร้า ขบขัน ลุ้นระทึก สร้างความฉงน และชวนติดตาม
ซึ่งการปรับเปลี่ยนอารมณ์ของเรื่องเช่นนี้ช่วยกระตุ้นให้ผู้อ่านทำความเข้าใจในเรื่องราวต่างๆ
ทั้งของผมและของมาโคโตะ ร่วมค้นหาและเป็นกังวลไปพร้อมๆ กับตัวละคร

หนังสือเล่มนี้มิได้เหมาะสำหรับเยาวชนแต่เพียงอย่างเดียว 
แต่ยังเหมาะสำหรับนักอ่านที่เป็นผู้ใหญ่ด้วย 

เนื่องจากเนื้อหาในเรื่องอาจช่วยสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับมุมมอง พฤติกรรมของวัยรุ่นเพิ่มขึ้น
อีกทั้งส่วนหนึ่งของความขัดแย้งระหว่างวัยรุ่นกับผู้ใหญ่คือ ความไม่เข้าใจต่อกัน
ด้วยเหตุนี้หากเป็นไปได้ที่คนสองวัยเปิดใจทำความเข้าใจและเรียนรู้กันให้มาก
รวมทั้งพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดซึ่งกันและกันอย่างไม่ปิดกั้นตัวเองจนเกินไป
ก็จะช่วยสร้างความเข้าใจอันดีระหว่างคนสองวัยได้
เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์สะเทือนใจที่ซ้ำรอยอย่างเช่นในกรณีของมาโคโตะ...