วันอาทิตย์ที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2555

อำลาปี พ.ศ. ๒๕๕๕

อีกไม่ช้าและไม่นาน...ปี พ.ศ. ๒๕๕๕ หรือ ค.ศ. 2012 ก็จะผ่านพ้นไป
คิดๆ ดูแล้วก็ใจหายวาบเหมือนกัน หนึ่งปีผ่านไปพร้อมกับเรื่องราวต่างๆ มากมายหลายรสชาติ
สำหรับผมนั้น ปีที่กำลังจะเก่านับเป็นปีซึ่งน่าจะอ่านหนังสือได้น้อยลง สัมผัสหน้ากระดาษน้อยลง
กลายเป็นว่ายิ่งอายุมากขึ้น ชีวิตและสายตากลับต้องมาเพิ่งพิศหน้าจอสี่เหลี่ยมๆ เพิ่มขึ้น
ขณะเดียวกันก็ดูโทรทัศน์น้อยลง พูดคุยน้อยลง และปฏิสัมพันธ์กับผู้คนลดลง...

มีหนังสือหลายเล่มที่อยากเปิดอ่านทว่าจนแล้วจนเล่าก็ไม่ได้หยิบมาอ่าน
และก็มีหนังสือเก่าเก็บอีกมากมายที่อยากอ่านซ้ำ แต่ก็ยังหาเวลามารื้อฟื้นไม่ได้สักที

อีกไม่กี่ชั่วโมง...เสียงเฉลิมฉลองเพื่อต้อนรับปีใหม่ก็จะโหมโรงเปิดฉากขึ้น
นับเป็นช่วงวันหยุดและห้วงเวลาแห่งความสุขของคนมากมาย...
บล็อก แนะนำหนังสือสอง เล็กๆ นี้ ก็ขอส่งความสุขและความปีติยินดีแด่คนไทยทุกท่านด้วย
กระนั้น, ด้วยพอเขียนบทกลอนตามประสามือสมัครเล่น จึงใคร่อยากจดจารความรู้สึกบางอย่างบ้าง
แล้วปีหน้าฟ้าใหม่ค่อยกลับมาพบกันอีกครั้ง...พร้อมความหวังและความฝันแสนสวยงามกัน

อำลาอาลัย ปี พ.ศ. 2555

ลาแล้วลาลับ...ลาทีปี ๒๕๕๕    
ที่ผ่านไปแล้วผ่านมา และผ่านหาย
ผ่านเรื่องราวเหนื่อยยากแสนมากมาย    
ผ่านทั้งสิ่งดีและร้ายหลากหลายครัน

อาจร้องไห้ในบางคืนที่เมาค้าง    
มียิ้มบ้างในบางคราที่น่าขัน
อาจย่ำแย่ย่อยยับกับบางวัน    
มีหัวเราะเยาะหยันบางเวลา

ปีเก่าใกล้ผ่านพ้นอีกหนแล้ว
พาใจแป้วจิตป่วนรัญจวนหา
วันวัยล่วงผ่านเลย...เคยผ่านมา
ก็ผ่านไปในพริบตาเพียงชั่วคืน

ขอความทุกข์เข็ญทวีของปีก่อน
ซึ่งบั่นทอนชีวิตจนเกินทนฝืน
บรรเทาลงสิ้นมลายกลายเป็นฟืน
ที่พร้อมลุกโชนชื่นเมื่อตื่นเช้า

ลุกเป็นไฟให้ความหวังดังตะวัน
แผดสาดแสงเสกสรรดับความเศร้า
พานพบทางสายหมอกขาวพราวพริ้งเพรา
ทอดทับตามทางสีเทาแสนเปล่าดาย

ลาแล้วลาล่วง ปี ๒๕๕๕
ฝากน้ำตาความบัดซบสยบพ่าย
ปลดตรวนพันธนาการร้าวรานร้าย
จงลาลับลิบหายไปพร้อมกัน

ขออำลาปีเก่า...เมาทิ้งทวน
ดื่มประชดฤดูแปรปรวน โลกผวนผัน
แด่อดีตที่ยับเยินเกินจำนรรจ์
ลมหายใจที่เหลือนั้นสู้แค่ตาย...

***

วันจันทร์ที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2555

Life of Pi การเดินทางของพาย พาเทล


นิยายมหัศจรรย์ที่ขายดีไปทั่วโลก 
และได้รับรางวัลระดับสากลมากมาย

เป็นนวนิยายผจญภัยแนวแฟนตาซีของ ยานน์ มาร์เทล (Yann Martel)
นับเป็นผลงานของนักเขียนแคนาดาหน้าใหม่ไร้ชื่อเสียง
ซึ่งถึงขนาดต้องประกอบอาชีพเป็นยาม ล้างจาน และใช้แรงงานเพื่อเลี้ยงชีพ
แต่แล้ว ยานน์ มาร์เทล ผู้เขียนกลับกลายเป็นศิลปินชื่อก้องโลกในชั่วข้ามคืน
เมื่อนิยายเล่มนี้ของเขาถูกตีพิมพ์ขายดีแบบปากต่อปาก และได้รับรางวัลอันทรงเกียรติมากมาย
เพราะเขาทำใหคนอ่านเชื่อได้ว่าเป็นเรื่องจริง จึงโดนใจนักอ่านไปกว่าสามสิบประเทศทั่วโลก

Life of Pi ผู้เขียนได้รับแรงบันดาลใจจากเพื่อนในวัยเด็กคนหนึ่งซึ่งเคยเดินทางผจญภัยในอินเดีย
ซึ่งตัวเอกของเรื่องนี้คือ พิสซีน "พาย" โมลิตอร์ พาเทล เด็กชายชาวอินเดียจากเมืองพอนดิเชอร์รี
เรื่องราวเหลือเชื่อและเต็มไปด้วยมนตร์สะกดของพาย พาเทล
ซึ่งกำเนิดในครอบครัวผู้อำนวยการสวนสัตว์ และตัวเขานับถือถึงสามศาสนา
คือ ฮินดู คริสต์ และ อิสลาม

Life of Pi การเดินทางของพาย พาเทล
หนังสือมือสอง : การเดินทางของพาย พาเทล
ผู้เขียน : ยานน์ มาร์เทล
ผู้แปล : ตะวัน พงศ์บุรุษ
จำนวน :  ๒๙๒ หน้า
ขนาด : ๑๖ หน้ายกพิเศษ
สำนักพิมพ์ : บลิส
พิมพ์ครั้งที่ : ๑
เดือนปีที่พิมพ์ : กันยายน ๒๕๔๗


การเดินทางของพาย พาเทล เริ่มต้นเมื่อครอบครัวต้องอพยพไปอยู่แคนาดาพร้อมกับสารพัดสัตว์
เพราะเมื่อพายอายุได้สิบหกปี พ่อของเขาได้ตัดสินใจที่จะปิดสวนสัตว์
เนื่องจากสถานการณ์ทางการเมืองในอินเดียสมัยอินทิรา คานธี ไม่ค่อยแน่นอนนัก 
พ่อได้ขายสัตว์ส่วนใหญ่ในสวนสัตว์ให้กับสวนสัตว์หลายแห่งในสหรัฐฯ

พายได้เดินทางข้ามมหาสมุทรแปซิฟิกไปพร้อมกับบรรดาสัตว์ด้วยเรือสินค้าชื่อ ซิมซัม 
การผจญภัยอุบัติขึ้นเมื่อเรือแตก พาย พาเทล เป็นคนเดียวที่รอดชีวิต
แต่เขาต้องติดอยู่บนเรือชูชีพกับหมาป่าไฮยีนา ลิงอุรังอุตัง ม้าลาย
และ...เสือโคร่งเบงกอลหนัก 450 ปอนด์ ชื่อ ริชาร์ด พาร์เกอร์ 
บรรดาสัตว์ต่างกินกันเองตามวิสัยธรรมชาติ 
จนกระทั่งเหลือเพียง พาย พาเทล กับ ริชาร์ด พาร์เกอร์

ยาน มาร์เทล Yann Martel
คนกับเสือผจญทะเลด้วยกันนานถึง 227 วัน
กลายเป็นเรื่องราวอันพิสดารที่ไม่มีใครเหมือน

รางวัลและเกียรติยศของ Life of Pi
• ปี 2001 เข้ารอบสุดท้ายรางวัล Governor General's Literary Award for Fiction (Canada)
รางวัลทางวรรณกรรมอันทรงเกียรติสูงสุดของประเทศแคนาดา
• ปี 2001 ชนะเลิศประเภทนวนิยายรางวัล Hugh MacLennan Prize (Canada)
• ปี 2002 เข้ารอบสุดท้ายรางวัล Commonwealth Writers Prize (Eurasia Region, Best Book)
• ปี 2002 ชนะเลิศประเภทนวนิยายรางวัล Man Booker Prize
• ปี 2003 ชนะเลิศรางวัล Boeke Prize (South Africa) 
รางวัลทางวรรณกรรมอันทรงเกียรติสูงสุดของประเทศแอฟริกาใต้

***



ภาพยนตร์ Life of Pi ชื่อไทย ชีวิตอัศจรรย์ของพาย (จะเข้าฉายในประเทศไทย 20 ธ.ค. สิ้นปีนี้)
โดยผู้กำกับ อั้ง ลี่ สร้างขึ้นจากหนังสือขายดีแนวผจญภัยแนวแฟนตาซีของ Yann Martel
ถ่ายทอดเรื่องราวของเด็กหนุ่มชาวอินเดีย ชื่อ พาย พาเทล ที่มีชีวิตรอดจากเหตุการณ์เรือล่ม
โดยใช้ชีวิตอยู่ในเรือชูชีพเป็นเวลา 227 วัน กับบรรดาสิงสาราสัตว์นานาชนิด รวมถึงเสือเบงกอลตัวมหึมา
พายต้องใช้ชีวิตเพียงลำพังกับเจ้าสัตว์ร้ายนี้โดยใช้ความรู้ ไหวพริบ และศรัทธาทั้งหมดเพื่อให้มีชีวิตรอด

ภาพยนตร์ Life of Pi มีการพัฒนาเทคนิคสำหรับการผจญภัยครั้งยิ่งใหญ่ด้วยรูปแบบภาพ 3 มิติ
เปิดประสบการณ์ที่มีมนต์เสน่ห์น่าหลงใหล สร้างแรงบันดาลใจได้อย่างน่าประทับใจ
และพาผู้ชมไปสู่การค้นพบที่พวกเขาจะไม่มีวันลืม...


วันอาทิตย์ที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2555

คนเลี้ยงม้า

วรรณกรรมที่ได้รับรางวัลดีเด่น พิมพ์เผยแพร่ถึง ๕ ภาษา
"คนเลี้ยงม้า" เป็นเรื่องสั้นขนาดยาวที่ได้รับการยกย่องว่า เป็นเรื่องสั้นดีเด่นในปี ค.ศ. 1980

คนเลี้ยงม้า

หนังสือมือสอง : คนเลี้ยงม้า
ผู้เขียน : จาง เสียน เลี้ยง
ผู้แปล : พิริยะ พนาสุวรรณ
จำนวน : ๘๐ หน้า
ขนาด : ๑๖ หน้ายกธรรมดา
สำนักพิมพ์ : ชีวิต
พิมพ์ครั้งที่ : ๓ (ปกไม่ได้แก้ไข พิมพ์ครั้งที่ ๒ พ.ศ. ๒๕๓๑)
เดือนปีที่พิมพ์ : มกราคม ๒๕๓๕

นวนิยายขนาดสั้นร่วมสมัยเรื่องนี้ ได้รับความนิยมอย่างยิ่งในประเทศจีน
ยุคหลังการปฏิวัติวัฒนธรรม และความนิยมก็ขยายวงกว้างออกไปสู่ภายนอก
จนถึงกับมีผู้นำไปแปลเป็นภาษาต่างประเทศหลายภาษา

เมื่อเห็นว่าเป็นวรรณกรรมจีน
ผู้อ่านหลายท่านคงจะหลับตานึกถึงนวนิยายต่อต้านลัทธิทุนนิยม
หรือไม่ก็เป็นนวนิยายส่งเสริมระบอบสังคมนิยม
แต่ในความเป็นจริงแล้วหาได้เป็นเช่นนั้นไม่...

จาง เสียน เลี้ยง เขียน / พิริยะ พนาสุวรรณ แปล
คนเลี้ยงม้า...
เป็นเรื่องราวของชายหนุ่มคนหนึ่งที่ต้องต่อสู้กับชีวิตต่างๆ มาโดยตลอด
เช่นเดียวกับผู้อ่านทุกคน และจากประสบการณ์ซึ่งมีทั้งความขมขื่น
ความรู้สึกโดดเดี่ยว อ้างว้าง ผสมผสานกับความหอมหวานและความสุข
เขาก็ค้นพบสิ่งที่คนเราทุกคนต้องการจะรู้ นั่นก็คือ...
เขา มิใช่คนไร้ค่า ดังที่เคยคิดมาโดยตลอด

สิ่งที่เขาค้นพบด้วยตัวเองนี้...
ทำให้ ซู้ หลิง จุน ปฏิเสธข้อเสนอของบิดาซึ่งเป็นมหาเศรษฐี
ที่จะพาเขาไปใช้ชีวิตอย่างสบายในต่างประเทศ
ทั้งนี้ก็เนื่องจากว่า เขารู้ว่าตัวเองมีคุณค่าต่อเพื่อนมนุษย์และต่อสังคมบ้านนอก
ที่แสนล้าหลัง จนไม่สามารถทิ้งมาตุภูมิไปได้

***

"ผมรู้สึกปีติยินดีที่ได้ทราบว่า
คุณชอบนวนิยาย 'คนเลี้ยงม้า' ของผม และได้แปลเป็นภาษาไทยแล้ว
ประเทศจีนกับประเทศไทยได้ไปมาหาสู่กันฉันมิตรมาโดยตลอด
แต่น่าเสียใจมากที่เราทั้งสองฝ่ายยังทำไม่เพียงพอในการใช้
วรรณกรรมมากระตุ้นการเพิ่มพูนความเข้าใจต่อกันให้มากยิ่งขึ้น

ขอให้คุณเชื่อว่าวรรณกรรมของนักเขียนของจีนในยุคปัจจุบัน
ก็เป็นหน้าต่างที่ดีที่สุดสำหรับมองดูและทำความเข้าใจต่อจิตใจของชาวจีนในยุคปัจจุบัน
สิ่งที่ทำให้ผมยินดีก็คือคุณได้ช่วยเผยความในใจของชาวจีนคนหนึ่ง
ออกมาให้ผู้อ่านชาวไทยรู้เห็นอย่างชัดเจนแล้ว"
                               - จดหมายจาก จาง เสียน เลี้ยง -


วันเสาร์ที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2555

เรือโรงงาน

วรรณกรรมสร้างสรรค์ยอดเยี่ยมจากญี่ปุ่น
เป็นงานที่มีชื่อเสียงมากชิ้นหนึ่งในประวัติศาสตร์วรรณกรรมสมัยใหม่
เป็นเรื่องที่เขียนได้อย่างมีศิลปะและสะท้อนภาพสังคมในญี่ปุ่น
ก่อนที่จะพบกับความสำเร็จในการพัฒนาพาณิชยกรรมและอุตสาหกรรม

เรือโรงงาน
(พิมพ์ครั้งแรกเมื่อกุมภาพันธ์ ๒๕๒๑ ในชื่อ "เรือนรก")
หนังสือมือสอง : เรือโรงงาน
ผู้เขียน : ทาคิจิ โกบายาชิ
ผู้แปล : วิทยากร เชียงกูล
จำนวน : ๑๕๒ หน้า
ขนาด : ๑๖ หน้ายกธรรมดา
สำนักพิมพ์ : ดาวเรือง
พิมพ์ครั้งที่ : ๓
เดือนปีที่พิมพ์ : สิงหาคม ๒๕๓๑

ทาคิจิ โกบายาชิ เริ่มเขียนนวนิยายเรื่อง เรือโรงงาน เมื่อปลายปี พ.ศ. ๒๔๗๑
โดยก่อนหน้านั้นสองปีเขาได้อ่านหนังสือพิมพ์พบเรื่องราวการเอารัดเอาเปรียบคนงาน
อย่างไร้มนุษยธรรมบนเรือโรงงานลำหนึ่ง ซึ่งคนงานเหล่านั้นถูกจ้างไปทำงานบนเรือโรงงานปูกระป๋อง
คนงานที่ไม่ปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ที่นายจ้างกำหนดจะถูกลงโทษอย่างหนัก
คนงานหลายคนส่วนหนึ่งยังเป็นเพียงเด็กวัยรุ่น ก็ถูกตี ถูกเหล็กเผาไฟนาบหรือไม่ก็ถูกหย่อนลงทะเล
เมื่อเรือลำนั้นแล่นกลับมาที่ท่าเมืองฮาโกดาเตะ คนงานจึงได้ร้องเรียนต่อทางการ
ถึงความโหดร้ายของกัปตัน ผู้จัดการ และหัวหน้าคนงาน รวมทั้งได้รายงานเรื่องนี้ไปทางหนังสือพิมพ์ด้วย
เป็นผลให้กรณีดังกล่าวได้รับความสนใจอย่างกว้างขวาง

เมื่อทาคิจิอ่านพบเรื่องนี้ เขาได้ชักชวนเพื่อนคนหนึ่งซึ่งกำลังทำงานวิจัยเกี่ยวกับ
"สภาวะความเป็นอยู่ของคนงานในโรงงานอุตสาหกรรม"
ให้ขยายขอบเขตการวิจัยไปศึกษาถึงสภาวะของคนงานในเรือโรงงานทั้งหลายด้วย
ส่วนทาคิจิเองก็เริ่มลงมือศึกษาเตรียมตัวเขียนนิยายเกี่ยวกับชีวิตความเป็นอยู่ของคนงานในเรือโรงงานประเภทนี้

The Factory Ship โดย Takiji Kobayashi
ทาคิจิได้เตรียมศึกษาค้นคว้าก่อนเขียนเรื่องนี้อย่างมาก
เขาเขียนบรรยายถึงที่ทำงานและสภาพการทำงานของคนงานได้อย่างละอียด
รวมทั้งบรรยากาศที่หดหู่ การกดขี่ภายในเรือโรงงาน
ตัดกับบรรยากาศของทะเลซึ่งบางครั้งก็แปรปรวน บ้างครั้งก็สวยสงัด

***

"งานชิ้นนี้ไม่มีพระเอก ไม่มีตัวละครเด่นๆ 
ชนิดที่คุณจะพบได้ในงานที่กล่าวถึงชีวิตความเป็นอยู่ของปัจเจกชน...ผมเชื่อว่า
นี่เป็นครั้งแรกที่ได้มีการพยายามที่จะเขียนเรื่องที่มีลักษณะดังกล่าวออกมาเป็นเรื่องยาว
มันเป็นงานที่เสี่ยงและยากในทุกแง่มุม"
- ทาคิจิ โกบายาชิ -

"ทาคิจิบรรยายถึงความปั่นป่วนของทะเลคัมชัตสุกะได้อย่างยอดเยี่ยม
ลักษณะของธรรมชาติด้านที่โหดร้าย ปั่นป่วน 
ซึ่งขัดแย้งกับภาพแห่งความสงบราบเรียบที่เคยปรากฏในกวีนิพนธ์และนิยาย
ได้ถูกนำมาบรรยายในวรรณกรรมคนงานเป็นครั้งแรก"
- แฟรงค์ โมโตฟูจิ -

"งานของทาคิจิเรื่องนี้มีลักษณะเฉพาะ คือเป็นเรื่องที่เขียนอย่างเรียบง่าย
ใช้ประโยคสั้น ห้วน เห็นภาพชัด เป็นรูปธรรม...ที่สำคัญเขาเขียนได้อย่างมีศิลปะ
ชวนติดตามและก่อให้เกิดความสะเทือนใจได้อย่างสูง
เนื้อหาของเรื่องเข้มข้นในตัวมันเองอย่างสมจริงสมจัง ไม่ใช่การประดิษฐ์ขึ้น"
- วิทยากร เชียงกูล -




วันพุธที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2555

คำสอนของพ่อ

เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม

เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา ๕ ธันวาคม 
ซึ่งในปีนี้ยังเป็นปีพิเศษนั่นคือวันครบรอบ ๘๕ พรรษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ที่คนไทยถือว่าเป็น 

พ่อของแผ่นดิน” 

คำสอนของพ่อ

ตลอดพระชนม์ชีพของพระองค์ และระหว่างที่ทรงครองศิริราชสมบัติ
ในหลวงได้ยึดมั่นในพระดำรัสที่ว่า “เราจะปกครองแผ่นดินโดยธรรม” อยู่ตลอดเวลา
พระองค์ทรงทำทุกอย่างเพื่อพระสกนิกรทุกหมู่เหล่าโดยไม่เคยแบ่งแยกเชื้อชาติศาสนา
ตลอดเวลาพระองค์ที่ทรงครองราชย์ได้พระราชทานโครงการพระราชดำริกว่าสามพันโครงการ
เพื่อประโยชน์สุขของประชาชนที่ยากจนและด้อยโอกาส

หนังสือมือสอง คำสอนของพ่อ เล่มนี้ เวลาผ่านไป ๑๑ ปีแล้ว
จัดพิมพ์เนื่องด้วยวันที่ ๒๗ พ.ค. ๒๕๔๔ เป็นวันครบรอบปีที่ ๖๖ ของกรมการทหารสื่อสาร
จึงได้จัดพิมพ์พระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
เพื่อเป็นแนวทาง น้อมนำมาปฏิบัติ และดำเนินชีวิตให้เจริญก้าวหน้าผาสุกสืบไป...


***

“...การแบ่งการศึกษาเป็นสองอย่างคือ การศึกษาวิชาการอย่างหนึ่ง 
วิชาการนั้นจะเป็นประโยชน์แก่ตัวเองและแก่บ้านเมือง ถ้ามาใช้ต่อไปเมื่อสำเร็จการศึกษาแล้ว 
อีกอย่างหนึ่ง ขั้นที่สองก็คือความรู้ที่จะเรียกได้ว่าธรรม คือรู้ในการวางตัว ประพฤติและคิด วิธีคิด 
วิธีที่จะใช้สมองมาทำเป็นประโยชน์แก่ตัว สิ่งที่เป็นธรรมหมายถึงวิธีการประพฤติปฏิบัติ ค
นที่ศึกษาในทางวิชาการและศึกษาในทางธรรมก็ต้องมีปัญญา 
แด่ผู้ใช้ความรู้ในทางวิชาการทางเดียวและไม่ใช้ความรู้ในทางธรรมจะนับว่าเป็นปัญญาชนมิได้…”
พระบรมราโชวาทพระราชทาน
เมื่อวันที่ ๑๘ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๑๓


“…ปัจจุบันมีความคิดทฤษฎีอยู่มากทั้งเก่าและใหม่สำหรับให้ปฏิบัติ 
ผู้สำเร็จการศึกษาซึ่งเป็นบัณฑิตเป็นผู้รู้ ควรจะมีหลักในการเลือก การประสม 
และการปฏิบัติทฤษฎีนั้นๆ อย่างมีเหตุผล…เลือกเฟ้นทฤษฎีเหล่านั้นก่อน 
แล้วนำเอาแต่ส่วนที่เชื่อได้แน่ว่าดีว่าถูกต้องมาใช้การให้ได้ผลที่พึงประสงค์
จึงจะเกิดเป็นผลดีแก่การศึกษาของชาติ ทำให้การศึกษาเจริญงอกงามและมั่นคง 
ทั้งเหมาะสมและสอดคล้องแก่สภาพการณ์ทุกอย่างของประเทศของโลกอย่างสมบูรณ์…”
พระบรมราโชวาทพระราชทานในพิธีพระราชทานปริญญาบัตร
ณ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ พิษณุโลก
เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2517 

เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม

 "ความรู้กับดวงประทีปเปรียบกันได้หลายทาง ดวงประทีปเป็นไฟที่ส่องแสงเพื่อนำทางไป 
ถ้าใช้ไฟนี้ส่องทางไปทางที่ถูก ก็จะไปถึงจุดหมายปลายทางได้โดยสะดวกเรียบร้อย 
และถ้าไม่ระวังไฟนั้นอาจจะเผาผลาญให้บ้านช่องพินาศลงได้ 
ความรู้เป็นแสงสว่างที่จะนำเราไปสู่ความเจริญ 
ถ้าไม่ระมัดระวังในการใช้ความรู้ก็จะเป็นอันตรายเช่นเดียวกัน 
จะทำลายเผาผลาญบ้านเมืองให้ล่มจมได้"
พระบรมราโชวาทในพิธีพระราชทานปริญญาบัตร
ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ๒๕ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๐๕


“ท่านผู้ใหญ่ไปตรวจราชการที่ไหน ถ้าไปถึงไม่มีใครเลี้ยงก็โกรธ 
แต่ถ้าไปถึงแล้วเลี้ยงก็พอใจ แต่ว่าเงินที่เลี้ยงน่ะเอามาจากไหน 
เมื่อไม่มีเงินรับรองของส่วนภูมิภาคก็ต้องไปเรี่ยไรกัน ไปเรี่ยไรจากข้าราชการชั้นผู้น้อย 
หรือไม่อย่างนั้นก็ไปขูดรีดจากพ่อค้า แล้วพ่อค้าก็ต้องถือว่าเป็นการลงทุน
มันก็กลายเป็นคอรัปชั่นไป”
พระราชดำรัส พระราชทานแก่คณะกรรมการอำนวยการ
สภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทยฯ
ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน ๒๔ กันายายน พ.ศ. ๒๕๑๒


"...เศรษฐกิจของเราขึ้นอยู่กับการเกษตรมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว 
รายได้ของประเทศที่ได้มาใช้สร้างความเจริญต่างๆ เป็นรายได้จากการเกษตรเป็นส่วนใหญ่ 
จึงอาจกล่าวได้ว่า ความเจริญของประเทศต้องอาศัยความเจริญของเกษตรเป็นสำคัญ
และงานทุกๆ ฝ่ายจะดำเนินก้าวหน้าไปได้ก็เพราะการเกษตรของเราเจริญ..."
พระบรมราโชวาทในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรและอนุปริญญาบัตร
ของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ๙ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๐๗

"...คนอื่นจะว่าอย่างไรก็ช่างเขา จะว่าเมืองไทยล้าสมัย ว่าเมืองไทยเชย 
ว่าเมืองไทยไม่มีสิ่งที่สมัยใหม่ แต่เราอยู่ พอมี พอกิน 
และขอให้ทุกคนมีความปรารถนาที่จะให้เมืองไทย พออยู่ พอกิน มีความสงบ 
และทำงานตั้งจิตอธิษฐาน ตั้งปณิธาน ในทางนี้ที่ จะให้เมืองไทยอยู่แบบพออยู่พอกิน 
ไม่ใช่ว่าจะรุ่งเรืองอย่างยอด แต่ว่ามีความพออยู่พอกิน มีความสงบ 
เปรียบเทียบกับประเทศอื่นๆ ถ้าเรารักษาความพออยู่พอกินนี้ได้ เราก็จะยอดยิ่งยวดได้..." 
พระราชดำรัสเนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 
ณ ศาลาดุสิตดาลัย วันที่ ๔ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๑๗

"...พอเพียงนี้มีความหมายกว้างขวางยิ่งกว่านี้อีก คือ คำว่าพอก็เพียงพอ เพียงนี้ก็พอ
ดังนั้นเอง คนเราถ้าพอในความต้องการ ก็มีความโลภน้อย เมื่อมีความโลภน้อยก็เบียดเบียนคนอื่นน้อย 
มีความคิดว่าต้องทำอะไรต้องพอเพียง หมายความว่า พอประมาณ ไม่สุดโต่ง ไม่โลภอย่างมาก 
คนเราก็อยู่เป็นสุข พอเพียงนี้อาจจะมีมาก อาจจะมีของหรูหราก็ได้  
แต่ว่าจะต้องไม่ไปเบียดเบียนคนอื่น ต้องให้พอประมาณตามอัตภาพ 
พูดจาก็พอเพียง ทำอะไรก็พอเพียง ปฏิบัติตนก็พอเพียง
ฉะนั้นความพอเพียงก็แปลว่า ความพอประมาณและความมีเหตุผล...”
พระราชดำรัชเนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ๔ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๑







วันจันทร์ที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2555

บ้านระแกง

เดือนธันวาคม...ใกล้สิ้นปี พ.ศ. ๒๕๕๕ ขณะฤดูหนาวหายไปไหน--
บล็อกแนะนำหนังสือมือสอง see-book น้อยๆ ให้รู้สึกใจหายยิ่งนัก วันเวลาผ่านไปอีกปีแล้ว

บันเทิงบันทึกของเด็กโรงงานทำรองเท้า
ปรัชญาที่น่าขบคิดจากโลกใบเล็กๆ ของเด็กชายตัวน้อยๆ

บ้านระแกง / สุรชัย เหลืองไชยรัตน์

หนังสือมือสอง : บ้านระแกง
ผู้เขียน : สุรชัย เหลืองไชยรัตน์
จำนวน : ๑๒๖ หน้า
ขนาด : ๑๖ หน้ายกพิเศษ
สำนักพิมพ์ : ดับเบิ้ลนายน์
พิมพ์ครั้งที่ : ๑
เดือนปีที่พิมพ์ : สิงหาคม ๒๕๔๓

บ้านระแกง...ปรัชญาที่แฝงไว้ในความแก่นซน ดื้อรั้นของเด็กชายตัวน้อยๆ
ที่เพียรสร้างวีรกรรม และสรรหาความแสบ - ซุกซนไม่เว้นแต่ละวัน
จนเกิดเป็นข้อคิด คติ และปรัชญาให้ได้อ่านกันเพลินๆ
อาจไม่เคร่งครัด เคร่งเครียด ดั่งเช่นปรัชญาโดยทั่วไป
เพราะถือเป็น... บันเทิงบันทึก ที่ให้ทั้งความบันเทิงและสาระ เพื่อให้ผู้อ่านได้ขบคิด
และนำไปดัดแปลงใช้กับชีวิตประจำวันได้ในทุกๆ โอกาส

โตมากับเกือก พกเกลือเหน็บเข็มขัด กัดลูกมะเกี๋ยง
"บ้านระแกง" หรือที่พวกเราจะเรียกกันในบ้านว่า 'บ้านใต้'
เป็นบ้านที่ให้ความร่มเย็นเป็นสุขแก่เรามานาน
ที่นี่เป็นที่ที่เราใช้เป็นโรงงานผลิตรองเท้าในสมัยแรกๆ
ที่นี่เป็นที่ที่เคยใช้เลี้ยงดูช่างทำรองเท้ากว่าห้าสิบครอบครัว
ที่นี่มีอะไรหลายอย่างที่ทำให้เกิดรากฐานของความเป็นเราในปัจจุบันนี้

ในปัจจุบันนี้ บ้านระแกงเป็นที่ดินซึ่งมีโกดังเก็บสินค้าเก่าๆ 
และมีโรงเลี้ยงไก่อายุกว่าสามสิบปีอยู่หนึ่งหลังพร้อมกับบ้านพักเล็กๆ บ้านหนึ่งเท่านั้น
ความเรียงต่างๆ เหล่านี้เป็นการบันทึกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในบ้านระแกง
และสังคมในละแวกนั้นในสมัยก่อนที่จะย้ายออกไปอาศัยอยู่ที่อื่น

ความเรียงเหล่านี้เขียนให้พี่น้องและประชาชนทั่วไป
ที่เคยอาศัยอยู่ในละแวกระแกงในปี พ.ศ. ๒๕๐๐ จนถึงปี พ.ศ. ๒๕๒๐
ที่เป็นองค์ประกอบสำคัญในการทำให้บ้านระแกงของเราเป็นบ้านที่ร่มเย็น
ทุกคนมีส่วนร่วมทำให้บรรยากาศของการเติบโตขึ้นมาในสังคมเป็นไปได้ด้วยความราบรื่น

คนข้างบ้านเป็นเพื่อน พ่อแม่เป็นที่พึ่ง พี่น้องเป็นกำลังใจ
ทำให้บ้านระแกงถึงแม้จะเป็นบ้านไม้เก่าอายุกว่าห้าสิบปีนั้น
เป็นบ้านที่เต็มไปด้วยความหวานชื่น 
ทุกเรื่องที่เกิดขึ้นในบ้านระแกงจะเป็นเรื่องสร้างสรรค์

ความเรียงต่างๆ เหล่านี้ ได้พยายามคิดถึงสิ่งที่เป็นความทรงจำที่ดี
เพื่อส่งต่อให้พี่น้องเพื่อนฝูงได้อ่าน เหมือนกับการค้นหาภาพเก่าจากอัลบั้ม
ออกมาให้แขกที่มานั่งในห้องรับแขกได้ชมความเป็นมาของเจ้าของบ้าน...

วันจันทร์ที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

กลางคืนพวกหนูหลับนี่นา


วรรณกรรมประเภทเรื่องสั้นที่เขียนเป็นภาษาเยอรมัน
โดยนักเขียนมีชื่อนั้น ปรากฏว่ามีอยู่เป็นจำนวนมาก อีกทั้งสูงด้วยคุณค่าในแง่ต่างๆ 
ด้วยเหตุฉะนี้ การพิจารณาเพื่อคัดเลือกเรื่องนำแปล จึงไม่ใช่สิ่งที่จะทำได้อย่างง่ายดายเลย
ในหนังสือมือสองเล่มนี้ ผู้แปลจึงคัดเลือกเอาเรื่องที่ตนอ่านแล้วเกิดความรู้สึกชอบเป็นพิเศษ
คือชอบมากจนใคร่อยากจะถ่ายทอดออกมาเป็นภาษาไทย 
ให้คนไทยได้มีโอกาสสัมผัสวรรณกรรมของเยอรมันที่ตนเองชอบนี้เป็นสำคัญ
วรรณกรรมแปลที่รวมอยู่ในเล่มนี้ จะช่วยทำให้ผู้อ่านเกิดความเพลิดเพลินบ้าง 
ไม่ว่าด้านอารมณ์หรือทางแง่คิดก็ดี

กลางคืนพวกหนูหลับนี่นา 
หนังสือมือสอง : กลางคืนพวกหนูหลับนี่นา
ผู้เขียน : หลายคนเขียน
ผู้แปล : อรัญญา พรหมนอก
จำนวน : ๑๔๘ หน้า
ขนาด : ๑๑๐ x ๑๘๕ มม.
สำนักพิมพ์ : วลี
พิมพ์ครั้งที่ : ๑
เดือนปีที่พิมพ์ : มิถุนายน ๒๕๓๐

รวมเรื่องสั้นเยอรมันในหนังสือมือสองเล่มนี้ มี...

กลางคืนพวกหนูหลับนี่นา (Nachts Schlafen Die Ratten Doch) - โวลฟ์กัง บอร์แชร์ท

ได้รับการตีพิมพ์ครั้งแรก ในปี ค.ศ. ๑๙๔๗ ซึ่งบรรยายให้เห็นถึงสภาพของเยอรมัน
ในช่วงแรกเมื่อสงครามสิ้นสุดลง ทุกสิ่งทุกอย่างถูกทำลาย
ทั้งทรัพย์สิน บ้านเรือน และชีวิต คงเหลือทิ้งไว้ก็แต่ซากปรักหักพัง
และร่องรอยแห่งความตาย ความพิการ ผู้คนอดอยาก ไร้ที่อยู่อาศัย โศกเศร้า ท้อแท้และหมดหวัง



Nachts Schlafen Die Ratten Doch แปลโดย อรัญญา พรหมนอก

วิธีต้านอำนาจ (Massnahmen Gegen Die Gewalt) - แบร์ทอล เบรช์ท
ได้รับการตีพิมพ์ครั้งแรก ในปี ค.ศ. ๑๙๓๐ เป็นเรื่องเชิงเสียดสีและวิพากษ์วิจารณ์สังคม
เบรช์ทเขียนผลงานทั้งบทละคร เรื่องเล่า และบทกวี
เขาได้ชื่อว่าเป็นนักประพันธ์ที่ยิ่งใหญ่มีอิทธิพลต่อนักประพันธ์รุ่นหลัง

การทดสอบ (Die Probe) - แฮร์แบร์ท มาเลชา
ได้รับรางวัลเรื่องสั้นดีเด่นในหนังสือ Die Zeit โดยตีพิมพ์ครั้งแรก ในปี ค.ศ. ๑๙๕๖
นับเป็นเรื่องสั้น "แนวใหม่" ของเยอรมันถัดจากยุคเรื่องสั้นแนวสงครามของเยอรมัน

บ้านสีเหลือง (Das Gelbe Haus) - เรเน่ ชิคเคเล่
ได้รับการตีพิมพ์ครั้งแรก ในปี ค.ศ. ๑๙๕๖ เป็นผลงานชิ้นหนึ่งที่แสดงให้เห็นชัดถึงสไตล์การเขียนแบบของเขา
อันแสดงให้เห็นถึงความพยายามที่จะต่อสู้เพื่อความเสมอภาคแห่งชนชาติ และต่อต้านสงคราม
แต่ในช่วงหลังของชีวิต ผลงานของเขาจะเน้นปัญหาของสังคมทั้งแง่มนุษยชาติและการเมือง

ไปยกลอบ (Reusenheben) - โวล์ฟดีทริช ชนัวเร่
ได้รับการตีพิมพ์ครั้งแรก ในปี ค.ศ. ๑๙๔๙ เกี่ยวกับเจ้าหนูคนหนึ่งที่มีความรู้สึกนึกคิดปกติดีอยู่หรือ
ทำไมจึงกังวลแต่เรื่องที่ตนจะทำ เรื่องโรงเรียน การกลับบ้านให้ตรงเวลา
กังวลมากมายเสียจนไม่ได้ใส่ใจเหตุการณ์แวดล้อมอื่นๆ เลย แม้ว่ามีคนถูกฆ่าตายต่อหน้าต่อตา

หลักปักเขต (Das Mal) - ฮันส์ เอริช นอสสักค์
ได้รับการตีพิมพ์ครั้งแรก ในปี ค.ศ. ๑๙๕๑ โดยเขามีผลงานมากมาย
ทั้งที่เป็นบทกวี นวนิยาย เรื่องสั้น บทละครเวที และบทละครวิทยุ
และนอสสักค์ก็มีงานหลายชิ้นที่ได้รับรางวัลวรรณกรรม เขาเสียชีวิตเมื่อปี ค.ศ. ๑๙๗๗

ขั้นบันไดโรงแรม (Die Hoteltreppe) - ฟรานซ์ แวร์เฟิล
ได้รับการตีพิมพ์ครั้งแรก ในปี ค.ศ. ๑๙๒๙ และเขาเสียชีวิตเมื่อปี ค.ศ. ๑๙๔๘
ในผลงานวรรณกรรมของฟรานซ์ จะแสดงออกถึงข้อคิดและปรัชญาที่น่าสนใจหลายประเด็น
ในแง่วรรณศิลป์แล้ว ผลงานของเขาได้รับการยกย่องว่าดีเด่น มีความประณีต และแจ่มชัดรัดกุม

.



วันศุกร์ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

วัน-เดือน-ปี

ความเรียงเกี่ยวกับสิ่งที่คุณรู้แล้ว แต่อาจจะยังไม่รู้สึกมากพอ

วัน-เดือน-ปี ของ ญามิลา ในหนังสือมือสองเล่มนี้นั้น...
สื่อสารความคิดและความรู้สึกออกไปในสัดส่วนพอๆ กัน
และพยายามเขียนอย่างง่ายๆ เพื่อผู้อ่านจะได้รับสารอย่างตกหล่นน้อยที่สุด
ส่วนทำไมต้อง วัน-เดือน-ปี ก็เพราะนี่คือสิ่งที่สมมุติที่คนเราเกี่ยวข้องด้วยมากที่สุด
เป็นทั้งความผูกพันและพันธะที่ต้องอยู่กับผู้คนจนกว่าจะเลิกหายใจ

หนังสือมือสอง : วัน-เดือน-ปี
ผู้เขียน : ญามิลา
จำนวน : ๑๖๘ หน้า
สำนักพิมพ์ : บีเยศ
พิมพ์ครั้งที่ : ๑
เดือนปีที่พิมพ์ : กุมภาพันธ์ ๒๕๔๔


วัน เดือน ปี
"ผม-ในฐานะคนอ่าน-ได้คิดต่ออีกหลายอย่างจากงานของ ญามิลา 
อาจจะนับว่าเป็นความสำเร็จอีกซีกหนึ่งของคนเขียนหนังสืออาชีพ
นอกเหนือจากความสามารถในการสรรหาเรื่องราวต่างๆ มาเขียน
และการเรียบเรียงถ้อยคำให้จูงใจคนอ่าน

โชคดีที่ผมไม่ใช่นักเขียนโดยธรรมชาติ 
เพราะการเขียนสื่อสารให้คนอ่านเข้าใจง่ายๆ ก็ยังลำบากยากเข็ญ
อย่าว่าแต่เขียนให้คมและมีความหมายอยู่ทุกคำ
แต่โชคดีกว่าที่ผมและหลายๆ คน มี ญามิลา ให้อ่าน..."

-บางถ้อยคำจาก ทิวา สาระจูฑะ

วัน-เดือน-ปี โดย ญามิลา
เคยใช่ไหมที่อยากอยู่คนเดียว ไม่อยากพบหน้าใคร แต่บางวันอยากพบผู้คนใจแทบขาด
แล้วใจก็รอนๆ อยู่ตรงนั้น เพราะไม่มีใครเลย มนุษย์ปรับตัวให้เข้ากับสิ่งต่างๆ ได้ไม่ยาก 
แต่การปรับใจตนเองให้เป็นไปตามโลกนั้นแสนยาก พอใจไม่ได้เสียอย่าง สิ่งต่างๆ ก็พลอยเสีย
แต่ได้แล้ว แม้ความตายก็ยังเป็นเรื่องเล็กน้อย
- คน + ตนเอง = โลก -

***

ความรักกับความใคร่ บางคราวมาด้วยกัน อีกบางคราวไม่ได้มา
โชคดีที่พระเจ้าธรรมชาติไม่ได้เลือกสร้างแต่ความใคร่ หากให้ความรักอยู่เป็นเพื่อนด้วย
เกสรตัวผู้และเกสรตัวเมียในดอกไม้เคยเกิดอารมณ์เพศบ้างไหมนะ
หรือความรู้สึกชนิดนี้เป็นเฉพาะคนและสรรพสัตว์เท่านั้น
ผมว่าพวกเรารู้อะไรๆ เกี่ยวกับต้นไม้ไม่ทั้งหมดหรอก เหมือนที่เรายังรู้จักโลกใบนี้น้อยเกินไป
- ความต่างๆ -

***

คนแก่นอนน้อย นอนไม่ค่อยหลับและตื่นเช้า เหมือนรู้ว่าโลกตรงหน้าเหลือเวลาให้ดูอีกไม่เท่าไร
เด็กๆ รู้แค่หิว ขับถ่าย แล้วก็ง่วง ข้างในยังไม่มีอะไรให้รู้สึก 
เหมือนหลับๆ แล้วฝันเลือนราง ไม่มีใครจำตอนแบเบาะได้ว่าเป็นอย่างไรบ้าง 
หนุ่มสาวจำนวนมากปล่อยเวลาไปกับเรื่องไร้สาระที่นำมาเป็นสาระ 
ชั่วพริบตาหากไม่ได้ลงมือทำในสิ่งที่อยากทำ ก็หมดโอกาส
เพราะเมื่อรู้สึกสนุก เมามัน เวลามักสั้นเสมอ
- นาฬิกาชีวิต -


วันเสาร์ที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

เด็กชายหอยนางรม

The Melancholy Death of Oyster Boy & Other Stories
Tim Burton

เด็กชายหอยนางรม...หนังสือมือสองเล่มนี้
เป็นบทกวีประกอบภาพเปี่ยมด้วยจินตนาการอันหลุดออกนอกกรอบความเป็นไปได้จริง
แต่ละเรื่องใช้ตัวละครพิลึกพิลั่นและเรื่องราวอันประหลาดวิปลาส

หนังสือมือสอง : เด็กชายหอยนางรม
ผู้เขียน : ทิม เบอร์ตัน
ผู้แปล : 'ปราย พันแสง
จำนวน : ๑๔๔ หน้า
สำนักพิมพ์ : มติชน
พิมพ์ครั้งที่ : ๒
เดือนปีที่พิมพ์ : กันยายน ๒๕๔๔

เด็กชายหอยนางรม
ตัวละครของ ทิม เบอร์ตัน ในหนังสือเล่มนี้ส่วนใหญ่จะเป็นเด็ก
นอกจากจะทำให้คนอ่านงุนงงตกใจเหมือนถูกโยนลงในหุบเหวอันมืดมิดแล้ว
หลายเรื่องยังอาจจะก่อให้เกิดการปะทะกันทางอารมณ์และความคิดอย่างหนักหน่วง
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ เด็กชายหอยนางรม, เด็กชายหัวแตงโม, เด็กชายตะปู, หรือราชินีหมอนปักเข็มหมุด

น่าแปลกที่หนังสือมือสองเล่มนี้ เด็กชายหอยนางรม ถูกประเภกจัดไว้เป็นบทกวีสำหรับเด็ก
นอกเหนือไปจากบทกวีจินตนาการ และบทกวีมนุษย์ไม่ปกติ
ในขณะที่ผู้อ่านหรือนักวิจารณ์บางคนเห็นว่าหนังสือเล่มนี้ไม่เหมาะกับเด็ก

The Melancholy Death of Oyster Boy & Other Stories
ชีวิตไม่ใช่เรื่องง่าย
สำหรับราชินีหมอนปักเข็มหมุด
เมื่อเธอนั่งบัลลังก์
ประดาเข็มเหล็กแหลมจักประดังเสียบตับม้ามไต
ให้เจ็บปวดทรมานกายอย่างที่สุด

ทิม เบอร์ตัน เขียน / 'ปราย พันแสง แปล
ครั้งแรกและครั้งเดียว
ที่ฉันเห็นเด็กชายรอยร้องไห้
คือเมื่อเขาเจอน้ำเกลือหยดใส่ตา

เช้าวันหนึ่งอากาศแจ่มใส
พวกเขาจับรอยไปไว้ในสวน
สีหน้ารอยค่อยๆ ซีดเผือด
เนื้อตัวเริ่มแข็งทื่อ

***

เชื่อว่าแต่ละภาพแต่ละหน้าที่พลิกอ่านไป จะกระตุ้นให้เกิดจินตนาการไม่รู้จบ
เกิดคำถามที่ไม่มีคำตอบ ทว่าชวนให้ขบคิดไปได้ไม่สิ้นสุด
ลองพลิกไปสัมผัสกับความอัปลักษณ์อันสุนทรีย์...

วันเสาร์ที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

ฉันเกลียดเธอ ฉันรักเธอ ...ชีวิต

i hate u, love u and miss u
คนบางคนผ่านมา แต่ไม่ได้ผ่านไป แม้ว่าทุกสิ่งได้ผ่านไป...

"ฉันเกลียดเธอ ฉันรักเธอ ...ชีวิต" หนังสือมือสองเล่มนี้
เป็นการรวมบทกวี บทแปล และความเรียงของ 'ปราย พันแสง
ซึ่งผู้เขียนไม่ได้ใช้วิธี "แปลตรง" เหมือนอย่างงานแปลทั่วๆ ไป
แต่ตั้งใจเขียนโดยใช้ภาษาไทยแบบของเธอเอง
โดยสอดแทรกมุมมอง ความคิด และความรู้สึกของเธอต่อบทกวีหลายๆ ชิ้นลงไป

หนังสือมือสอง : ฉันเกลียดเธอ ฉันรักเธอ ...ชีวิต
ผู้เขียน :  'ปราย พันแสง
จำนวน : ๑๖๐ หน้า
ขนาด : ๑๖ หน้ายกพิเศษ
สำนักพิมพ์ : ฤดูร้อน
พิมพ์ครั้งที่ : ๓
เดือนปีที่พิมพ์ : กันยายน ๒๕๔๔

ฉันเกลียดเธอ ฉันรักเธอ ...ชีวิต จึงเป็นคล้ายมุมมองเรื่องชีวิตของ 'ปราย พันแสง
ที่ชอบลอบสังเกตชีวิตของผู้คน และมักปรากฏในงานเขียนของเธออยู่บ่อยครั้ง

ฉันเกลียดเธอ ฉันรักเธอ ...ชีวิต
ฉันไม่ได้เขียนบทกลอน บทกวี หรืออะไรทำนองนี้มานานแล้ว แต่ยังอ่านอยู่บ้าง
ฉันมีเพื่อน มีมิตร มีใครบางคนในชีวิตที่ชอบบทกวีเหล่านี้ และมักส่งมาให้ฉันอ่านอยู่เสมอ
จากจุดนี้เองที่ทำให้ฉันอยากค้นหาความหมาย ค้นหาสิ่งต่างๆ ในบทกวีเหล่านี้
ฉันไม่เพียงแต่ได้ค้นหาความหมายในบทกวีหรือข้อเขียนเหล่านั้น
แต่ฉันยังได้ค้นหาความหมายของชีวิตตัวเองและผู้คนรอบข้าง
ค้นพบบ้าง ไม่พบบ้าง แต่มีความสุขที่ได้ค้น

ฉันไม่ใช่นักแปลที่ดีนัก เพราะอ่านดูก็จะรู้ว่า... ในบางบทนั้น
ฉันไม่ได้เคารพต้นฉบับดั้งเดิมเขาเท่าไหร่ ทั้งๆ ที่ความหมายเดิมเขาออกจะดี
ฉันไม่มีอะไรจะอธิบายตรงนี้ เพราะมันเป็นความตั้งใจ แต่อย่างไรก็ตาม
เมื่อคุณอ่านหนังสือเล่มนี้ บางทีคุณอาจจะพอรู้จักรู้ใจหรือเข้าใจฉันบ้างก็ได้ว่า
ถึงไม่ได้ "เคารพ" แต่ทุกบทที่หยิบยกขึ้นมาเขียนนั้น หมายถึงว่าฉันรักมันสุดหัวใจแล้ว
หนังสือเล่มนี้จึงเป็นเหมือนของที่ระลึกของชีวิตฉันด้วย
                                                  - บางส่วนจาก "คำคนเขียน"

i hate u โดย 'pry pansang
                                 
ฉันเชื่อแล้วว่า...
มีช่วงเวลาเลิศล้ำชั่วขณะหนึ่ง
ซึ่งรักจักเดินทางมาถึงด้วยใจซื่อใส
มั่นคง อิสระ หวานละไม
ที่สำคัญเหนืออื่นใด...มีอยู่จริง

ฉันเชื่อแล้วว่า...
มีคำตอบเลิศล้ำคำตอบหนึ่ง
ซึ่งยอมรับทุกสิ่งดี ทุกสิ่งใช่
หวานหอมปลอบโยนใจ...ในวันโลกหมอง

ฉันเชื่อแล้วว่า...
มีดวงใจเลิศล้ำดวงหนึ่ง
ซึ่งเข้าใจและเชื่อใจอยู่เสมอ
ดวงใจประเสริฐเลิศเลอ...ในโลกแล้งไร้

ฉันเชื่อแล้วว่า...
มีความรักเลิศล้ำในชีวิตหนึ่ง
ซึ่งรักเดินทางมาติดปีกให้ดวงใจ 
ทะยานไปสุดขอบฟ้า
แล้วรักพลันหลุดลอยวับลับตา
ทิ้งดวงใจคว้างหล่นร่วงมา
...เคว้งคว้าง


วันจันทร์ที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2555

สัญจรสู่สาละวิน - ถนนธงชัย

ชื่อเต็มๆ ของหนังสือมือสองเล่มนี้ โดยผู้เขียน 'คืน ญางเดิม' คือ
สัญจรสู่สาละวิน - ถนนธงชัย : วิถีแห่งต้นธาร ตำนานแห่งขุนเขา

ถ้าเราเข้าไปที่นั่น ก็จะพบหมู่บ้านซุกซ่อนอยู่ตามสบน้ำและขุนห้วย
ชุมชนเหล่านั้นมีชื่อเรียกที่แปลกหูแต่ฟังไพเราะ
เป็นภาษาของขุนเขาที่บอกเล่าตำนานท้องถิ่นด้วยเสน่ห์และกลิ่นอายของความหมาย

หนังสือมือสอง : สัญจรสู่สาละวิน - ถนนธงชัยฯ
ผู้เขียน : 'คืน ญางเดิม'
จำนวน : ๑๙๒ หน้า
ขนาด : ๑๖ หน้ายกพิเศษ
สำนักพิมพ์ : ปัจจุบัน
พิมพ์ครั้งที่ : ๒
เดือนปีที่พิมพ์ : กุมภาพันธ์ ๒๕๓๙

โลกยังดิบ มนุษย์ยังงดงาม ณ ดินแดนอันล้าหลัง กลางดงดอยสุดขอบฟ้า
หนังสือสารคดี รางวัลชมเชย สัปดาห์หนังสือแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๓๘ 

'คืน ญางเดิม'
"ผมเป็นนักเดินทางมาเกือบยี่สิบปีแล้ว ทุกครั้งที่ตอบคำถามตัวเองว่าใฝ่ฝันถึงสิ่งใด
ผมจะรู้สึกเสมอว่า แม่น้ำไม่อาจแบ่งเป็นสองฝั่ง เหมือนแผ่นดินที่ไม่อาจแยกออกจากกัน
ผมกำลังเดินทางไปสู่ความฝันเหล่านั้น ผมไม่พบเขตแดนที่แม่น้ำเมยหรือแม่น้ำสาละวิน
ผมเห็นผืนแผ่นดินที่แม่ฮ่องสอนเป็นเนื้อเดียวกับแผ่นดินรัฐฉาน 
ผู้คนล้วนรู้จักกัน เป็นญาติพี่น้องกัน 
ต้นไม้ต้นหญ้าและสัตว์ต่างๆ เคลื่อนย้ายแพร่พันธ์โดยไม่มีรอยต่อ
ผืนหมอกและสายฝนห่มคลุมท้องฟ้าเป็นแผ่นเดียวกัน"


สัญจรสู่สาละวิน - ถนนธงชัย : วิถีแห่งต้นธาร ตำนานแห่งขุนเขา
...เมื่อข้าพเจ้าผ่านไปในดินแดนของภูเขา แม่น้ำ ป่าไม้ หรือชนเผ่า
ข้าพเจ้าเดินทางไปในฐานะของผู้เรียนรู้ มิใช่ผู้รู้
คำแห่งสารคดีของข้าพเจ้าจึงไม่ใช่สิ่งที่ตรงกับทางวิชาการ
คำของข้าพเจ้าคือคือคำแห่งความรู้สึก
ไม่ใช่วรรณกรรม ไม่ใช่ภาษากวี ไม่ใช่สัจธรรม

มันเป็นเพียงความรู้สึกแห่งประสบการณ์ทางจินตนาการ
ซึ่งข้าพเจ้าไต่บันไดแห่งการเรียนรู้ ลึกเข้าไปในสิ่งที่เรียกว่า
แม่น้ำ ต้นไม้ ภูเขา คนพื้นเมือง แสงแดด สายลม ฝน ความมืด
ตลอดจนโลกอันแตกต่างหลากหลายของมวลชีวิต

ข้าพเจ้าอาจเป็นเพียงนักเดินทางที่บันทึกประสบการณ์การค้นหา
จิตวิญญาณของตัวเองที่ถูกลบเลือน ถูกทำให้สาบสูญ
การกลับไปหาโลกดั้งเดิมในพื้นที่ถิ่นขุนเขาและแม่น้ำ
คือการเรียนรู้และค้นพบส่วนที่หายไป...

***

สารบัญ ของสัญจรสู่สาละวิน - ถนนธงชัยฯ

เทือกเขาถนนธงชัย ต้นธารทางชีวพันธุ์แห่งล้านนาตะวันตก
• หกร้อยกิโลเมตรกลางทะเลฝน เหนือทุ่งภูเขาถนนธงชัย-แดนลาว
แม่เงา แม่น้ำในนิทานและชนเผ่าปกากะญอ
ปกากะญอมูเส่คี้ คนแห่งขุนห้วยซึ่งต้นไม้มีชีวิต
ลัวะ ชนเผ่าดึกดำบรรพ์แห่งเทือกเขาถนนธงชัยกลาง
เหนือฝั่งสาละวิน เหตุการณ์ยังไม่เปลี่ยนแปลง
ชนเผ่าดาระอั้ง คนไร้พรมแดนแห่งขุนเขา

.

วันศุกร์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2555

สาวนักช้อปล้างหนี้

ยามพอมีเวลาว่าง...ก็ให้อยากเข้ามาอัพบล็อกนี้เพื่อแนะนำหนังสือมือสองกัน
แค่แนะนำแต่ไม่วิจารณ์ ด้วยไม่อาจหาญและไม่เก่งกาจจะวิพากษ์หนังสือใดๆ
หนังสือก็ย่อมมีเสน่ห์ มีสาระ หรือมีคุณค่าทุกเล่ม ทั้งขึ้นอยู่กับรสนิยมบของผู้เสพด้วย
บางคนชอบแนวโรมานซ์ บางคนสนุกกับแนวแฟนตาซี บางคนดื่มด่ำกับกวีนิพนธ์ ฯลฯ

***

Save Karyn โดย Karyn Bosnak
เรื่องราวอันแสนยุ่งเหยิงและตลกขบขัน แฝงข้อคิดกับภารกิจล้างหนี้บันลือโลก

หมายเหตุผู้เขียน : เนื่องจากหนังสือเล่มนี้ไม่ใช่เรื่องที่แต่งขึ้น
ฉันจึงเปลี่ยนแปลงอะไรบ้างเล็กๆ น้อยๆ เพื่อปกป้องความเป็นส่วนตัวของผู้ที่ถูกพาดพิง
ด้วยเหตุผลที่เห็นได้อย่างชัดเจนนี้ ฉันได้เปลี่ยนชื่อคนหลายคนในหนังสือเล่มนี้
รวมทั้งเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ของพวกเขาด้วย นอกเหนือจากการเปลี่ยนแปลงเหล่านั้นแล้ว
ฉันได้ใช้เสรีภาพของการเล่าเรื่องราวช่วยดำเนินเหตุการณ์ในเรื่อง
กระนั้น มันก็เป็นเจตนารมณ์ของฉันที่จะรักษาความจริงของเรื่องราวที่เกิดขึ้นนี้ไว้...

สาวนักช้อปล้างหนี้

หนังสือมือสอง : สาวนักช้อปล้างหนี้
ผู้เขียน : คารีน บอสแน็ค
ผู้แปล : วรรธนา วงษ์ฉัตร
จำนวน : ๕๖๐ หน้า
ขนาด : ๑๖ หน้ายกพิเศษ
สำนักพิมพ์ : เพิร์ล
พิมพ์ครั้งที่ : ๑
เดือนปีที่พิมพ์ : มีนาคม ๒๕๔๘

คุณมีหนี้หรือเปล่า? 
แล้วคุณจะทำยังไง? ถ้าหากคุณ ถังแตก มีหนี้ท่วมหัวและตกงาน
(1) ประหยัดสุดชีวิต
(2) วิ่งหางานจนขาขวิดและเลิกเกี่ยงงานซะที
(3) เสี่ยงโชค หวังรวย

แต่สำหรับ คารีน บอสแน็ค สาวนักช้อปที่ติดหนี้บัตรเครดิตบานตะไท
ด้วยเหตุที่เธอไม่สามารถทนกับแรงยั่วยวนมากมายจนต้องควักเงินซื้อและรูดบัตรจนติดลบ

ในที่สุด เธอต้องเอาชนะความฟุ้งเฟ้อของตนเองและหาทางขจัดหนี้ก้อนโตให้หมดโดยไว
จึงตัดสินใจเปิดเว็บไซต์และยอมเป็น ขอทานอินเทอร์เน็ต ให้รู้แล้วรู้รอดซะเลย
แต่เส้นทางการหลุดบัญชี 'ตัวแดง' ของเธอไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด
เรื่องราวของ คารีน บอสแน็ค เป็นที่กล่าวขานกันในหมู่นักท่องเน็ต และกลายเป็นข่าวดังไปทั่วโลก
เธอต้องน้อมรับทุกคำวิจารณ์ ไม่ว่าจะเป็นคำกล่าวหา ด่าทอ เย้ยหยัน หรือคำชื่นชม
คำพูดให้กำลังใจ รวมไปถึงเงินทุกสกุลที่หลั่งไหลเข้ามา...

Save Karyn โดย Karyn Bosnak

ฮัลโล!
ฉันชื่อคารีน ฉันเป็นคนดี และกำลังขอความช่วยเหลือจากคุณ
เรื่องของเรื่องก็คือ ฉันเป็นหนี้บัตรเครดิตอยู่ก้อนใหญ่ 
และต้องการเงิน 20,000 ดอลลาร์ ไปจ่ายหนี้
ฉันต้องการแค่ 1 ดอลลาร์ จากคน 20,000 คน
หรือ 2 ดอลลาร์ จากคน 10,000 คน
หรือ 5 ดอลลาร์ จากคน 4,000 คน...
คุณคงเข้าใจ!

ดังนั้น ถ้าคุณมีเงินเหลือสักดอลลาร์สองดอลลาร์กรุณาส่งมาให้ฉัน
เราสามารถช่วยกันปลดหนี้บัครเครดิตออกไปจากชีวิตฉัน!

สนใจอ่านเพิ่มเติมไปที่เว็บ >>> Karyn Bosnak ได้





วันพุธที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2555

ผู้นำ คุณก็เป็นได้

Developing The Leader Within You โดย John C. Maxwell
"ผู้นำ" คุณก็เป็นได้ หนังสือที่เสมือนคัมภีร์พัฒนาคนสู่การเป็นผู้นำ
นับแต่การปรับพื้นฐานความคิด หลักปฏิบัติ ตลอดจนการรักษาความสำเร็จ

จอห์น ซี. แมกซ์เวลล์ ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในสหรัฐอเมริกา
ว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาการเป็นผู้นำ ทั้งยังเป็นผู้ก่อตั้ง INJOY Group 
ซึ่งเป็นองค์กรช่วยเสริมสร้างพัฒนาคนสู่การมีบุคลิกภาพ การเงิน และภาวะผู้นำที่ดีเลิศ
จอห์น ซี. แมกซ์เวลล์ เขียนหนังสือมากกว่า ๒๐ เล่ม ไม่ว่าจะเป็น
- จอมอิทธิพล Becoming a Person of Influence
- ล้มไปข้างหน้า Failing Forward
- 21 กฎเหล็กแห่งการเป็นผู้นำ The 21 Irrefutable Laws of Leadership

ผู้นำ...คุณก็เป็นได้





  หนังสือมือสอง : ผู้นำ คุณก็เป็นได้
  ผู้เขียน : จอห์น ซี. แมกซ์เวลล์
  ผู้แปล : เครือวัลย์ เที่ยงธรรม
  จำนวน : ๓๓๖ หน้า
  ขนาด : ๑๖ หน้ายกพิเศษ
  สำนักพิมพ์ : น้ำฝน
  พิมพ์ครั้งที่ :
  เดือนปีที่พิมพ์ : กุมภาพันธ์ ๒๕๔๕







โลกนี้ไม่มีใครเป็นผู้นำมาแต่เกิด แต่เมื่อใดคุณสมบัติของผู้นำที่มีอยู่ในตัวคุณ
ตรงกับความต้องการของผู้ตาม เมื่อนั้นจะไม่มีสิ่งใดหยุดยั้งได้

Developing The Leader Within You โดย John C. Maxwell
ในระหว่างการประชุมพนักงานขายครั้งหนึ่ง
ผู้จัดการกำลังตำหนิพนักงานอย่างรุนแรงที่ทำยอดขายแย่มาก
เขากล่าวว่า "ผมเอือมกับผลงานที่ไม่ได้เรื่องและข้อแก้ตัวต่างๆ เต็มทีแล้ว 
ถ้าพวกคุณทำไม่ได้ คงจะมีพนักงานขายคนอื่นๆ ข้างนอกโน่น 
ที่พร้อมจะตะครุบโอกาสได้ขายผลิตภัณฑ์ดีๆ อย่างที่คุณแต่ละคนได้รับสิทธิพิเศษให้เป็นตัวแทน"
แล้วผู้จัดการก็ชี้ไปที่อดีตนักฟุตบอลอาชีพซึ่งเกษียณอายุมาเป็นพนักงานขายหน้าใหม่ และพูดต่อ
"ถ้าทีมฟุตบอลเล่นไม่ชนะสักครั้งเดียว จะเกิดอะไรขึ้น? เขาก็หานักฟุตบอลคนใหม่มาลงแทนใช่ไหม"
คำถามนั้นสร้างความกดดันอยู่สักครู่ แล้วนักฟุตบอลเก่าก็ตอบว่า
"ท่านครับ อันที่จริงถ้าทั้งทีมกำลังมีปัญหา ปกติแล้วเราจะหาโค้ชคนใหม่ครับ"

หนังสือมือสองเล่มนี้ เป็นการรวมยอดทักษะซึ่งผู้เขียนเรียนรู้มาตลอดเวลายี่สิบปีที่เป็นผู้นำ
ทั้งยังสอนหลักการเป็นผู้นำมาสิบสองปีแล้ว และได้เฝ้าดูด้วยความพอใจอย่างใหญ่หลวง
เมื่อได้เห็นชายหญิงหลายๆ คนเป็นผู้นำได้ดียิ่งขึ้น และประสบความสำเร็จมากขึ้น

ในทุกๆ สมัย จะมีช่วงเวลาที่ผู้นำจะต้องก้าวออกมาจัดการหาทางออกให้กับความจำเป็นแห่งยุคสมัย
ฉะนั้น คนที่มีศักยภาพพอที่จะเป็นผู้นำทุกคนจะพบโอกาสของตน 
อ่านหนังสือเล่มนี้แล้วเตรียมตัวให้พร้อมเพื่อยึดกุมโอกาสของคุณ!



วันอาทิตย์ที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2555

คือคนในความทรงจำ

Secondhand Book in Condo ในปลายสัปดาห์นี้...
อยาก แนะนำหนังสือมือสอง เล็กๆ เล่มหนึ่งแนวสารคดีเดินทาง ท่องเที่ยว
โดยผู้เขียน ภานุ มณีวัฒนกุล ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นนักเดินทางที่ท่องไปเกือบจะทั่วทุกมุมโลก
ทั้งยังเป็นการเดินทางที่เรียกว่า เป็นการแบกเป้เร่ร่อน ไม่ใช่การท่องไปแบบทัวริสต์
ดังนั้นแง่มุมประสบการณ์ที่เขาพึงพบจึงค่อนข้างแปลกแตกต่าง
โดยเรื่องราวและมุมมองที่นำเสนอออกมาจะมุ่งเน้นหรือเจาะจงลงไปที่เรื่องของคนเป็นด้านหลัก

หนังสือมือสอง : คือคนในความทรงจำ
ผู้เขียน : ภานุ มณีวัฒนกุล
จำนวน : ๑๑๒ หน้า
ขนาด : ๑๖ หน้ายกธรรมดา
สำนักพิมพ์ : แพรวสำนักพิมพ์
พิมพ์ครั้งที่ : ๑
เดือนปีที่พิมพ์ :พฤษภาคม ๒๕๔๒

คือคนในความทรงจำ

ภานุ มณีวัฒนกุล ถ่ายทอดในคำนำผู้เขียนว่า...
พบปะผู้คนเป็นความทรงจำประทับใจ 
ทั้งสนุกสนาน ร่าเริง บางครั้งสร้อยเศร้า ตื้นตัน 
สารพัดสารพันความรู้สึกผสมผสานกันไป
รอยยิ้มอันแสนคุ้นเคย 
หยาดน้ำตาที่มิได้หมายเพียงความเศร้า 
แต่กลับเป็นความปีติ อารามต้อนรับผู้มาเยือน
และการตกหล่นของบทสนทนา ทำให้เกิดความรู้สึกอบอุ่น
เมื่อมองเห็นอีกฝ่ายพยายามสื่อความหมายจากใจ
ด้วยวิธีของเขาหรือเธอ
มิตรภาพและการเรียนรู้สิ่งใหม่จึงก่อเกิด...
พวกเขาเหล่านั้นยังอยู่ในความทรงจำ
และเป็นความทรงจำที่ไม่สามารถลบล้างได้



"ถามตัวเองว่า โตขึ้นอยากเป็นอะไร คำตอบไม่เหมือนกันสักหน 
อายุแปดขวบ อยากเป็นนักบินอวกาศ โตขึ้นมาอีกหน่อย อยากเป็นนินจาดำดินได้
และจำได้แม่นยำ พอเร่มอ่านหนังสือภาษาอังกฤษ อยากเป็นโรบินสัน ครูโซ
โตมาจนป่านนี้ ไม่อยากเป็นอะไรแล้ว แต่ช่วงรุ่นๆ ถามตัวเองอยู่เรื่อยว่า
ต้องการอะไรในชีวิต เมื่อไม่นานมานี้เพิ่งมีคำตอบให้กับมัน (คือตัวเองนี่แหละ)
บอกมันว่า...เลิกถามอะไรต่อมิอะไรสักทีเถอะ"
                      - บางตอนจากเรื่อง ลุงแจ๊คแห่งเกาะแคท


- อีกไม่นานก็มืดแล้ว เราชอบกลางคืน ดวงดาวมากเหลือเกิน เหมือนใครกำลังจัดปาร์ตี้กันบนนั้น -

"ในหมู่นักเดินทาง ไม่ว่ารุ่นนี้หรือรุ่นไหน 
มีคนจำวพกหนึ่งปรารถนาจะเดินทางไปในที่ห่างไกลสุดขอบฟ้าขอบน้ำ
เข้าไปในป่าลึก ปีนป่ายสู่ยอดเขาหรือสู่สถานที่ลี้ลับกันดาร 
เพียงต้องอยากไปพบกับสถานที่ซึ่งยังไม่มีใครเข้าถึง 
ไปยังหมู่บ้านชนพื้นเมืองที่ตนเองคือคนแรกได้เหยียบย่าง
หรือเพื่อพบกับคนป่าที่ไม่รู้จักทิวริสต์มาก่อน

และในหมู่นักเดินทางด้วยกันบทสนทนาน่าเบื่อมักมาจากปากผู้ชอบพูดเรื่องตัวเอง
เช่น เคยไปโน่นไปนี่ เคยทำโน่นทำนี่ ที่โน่นที่นี่ 
คนอื่นพูดเรื่องอะไร หรือคนอื่นเปลี่ยนเรื่องพูดไปแล้ว
ก็ยังโยงให้ตัวเองเกี่ยวข้องได้อยู่ร่ำไป

คนพวกนี้ไม่มีคุณค่าอะไรให้จดจำ ทว่าน่าประหลาดตรงเมื่อ
บังเอิญพบคราวใด ก็มักจำคนจำพวกนี้ได้ทุกทีไป..."
- บางตอนจากเรื่อง เจฟ